ในปัจจุบัน ผู้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ สามารถให้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นและเป็นที่น่าพึงพอใจต่อผู้ลงทุน ซึ่งการลงทุนในด้าน “สินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital assets) นับเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง และในวันนี้ OPEN-TEC ศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Tech Knowledge Sharing Platform) ภายใต้การดูแลของ TCC TECHNOLOGY GROUP ได้หยิบยกมุมมองและประสบการณ์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital assets) และกรณีศึกษาต่างๆเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลจากภาคเอกชน คุณสัญชัย ปอปลี (CEO & Founder Cryptomind), คุณเฟอร์ดินานด์ กูเทียร์เรซ (CEO & Founder Ampverse) และ คุณทชา ปัญญาเนรมิตดี (CEO & Co-Founder Alpha Venture DAO) ภายในงาน “Digital Transformation Summit” มาแบ่งปันภายใต้หัวข้อ “Foundation and Understanding to the Landscape today & Use cases of digital assets, and why it’s here to stay” ดังนี้

คุณสัญชัย ได้กล่าวไว้ว่า สินทรัพย์ต่างๆในยุคปัจจุบันมีการนำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้อย่างหลากหลาย หนึ่งในนวัตกรรมที่ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ “สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)” ที่มีการทำงานผ่านระบบอัจฉริยะที่ไร้ตัวกลาง (smart contract) ในขณะที่ในอดีตหากต้องการทำธุรกรรมทางการเงินจะต้องดำเนินการผ่านตัวกลาง ซึ่งในปัจจุบันนี้ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้ใช้บริการ ดังนี้

  1. Bitcoin

บิทคอยน์ (Bitcoin) นับเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ก่อกำเนิดในยุคต้นของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถถือครอบครองไว้ได้ในระยะยาว และเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ

  1. Ethereum

อีเธอร์ (Ethereum) ได้ถูกพัฒนาขึ้นต่อจากบิทคอยน์ (Bitcoin) เพื่อลดขั้นตอนในการดำเนินการในการซื้อ ขายสินค้าและสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นบนบล็อกเชน (blockchain) ผ่านระบบอัจฉริยะที่ไร้ตัวกลาง (smart contract) ได้ ซึ่งอีเธอร์ (Ethereum) นับว่าเป็น Decentralized computing platform ประเภทหนึ่ง เช่น ในอดีตเมื่อมี การเซ็นต์สัญญาซื้อขาย ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องมีการกรอกเอกสารบนกระดาษ แต่เมื่อนำ อีเธอร์ (Ethereum) มา ใช้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถนำสกุลเงินดิจิทัลนี้ไปค้ำประกันและนำเงินออกมาใช้ก่อนได้ โดยไม่จำเป็นต้องเซ็นต์สัญญาหรือซื้อขายผ่านตัวกลาง เป็นต้น

  1. NFT

NFT (Non-Fungible Token) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถใช้ในการซื้อขายสินค้าบนแอพพลิเคชั่นของ             Ethereum (อีเธอร์) ได้ โดยการตั้งราคาซื้อขายนั้นจะเป็นไปตามการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะถูกพบเห็นได้บ่อยในการซื้อขายงานศิลปะ เกม เพลง และการสะสมในประเภทต่างๆ เป็นต้น

  1. Metaverse

ในอนาคต metaverse หรือโลกเสมือนจริงนั้นจะถูกเชื่อมต่อกับผู้คนมากขึ้น ซึ่งทุกคนจะสามารถซื้อขายผ่านสกุลเงิน ดิจิทัล (Cryptocurrency) หรืแแลกเปลี่ยนข้อมูลได้สะดวกขึ้นบนโลกออนไลน์

ในขณะที่ทางด้าน คุณเฟอร์ดินานด์ ได้แบ่งปันประสบการณ์กรณีศึกษาของการนำสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) มาใช้ในการให้บริการทางด้าน Gaming และ E-sport โดยได้กล่าวไว้ว่า ปัจจุบัน E-sport กลายเป็นหนึ่งอาชีพที่ผู้คนให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง สำหรับเกมที่ถูกนำมาแข่งขันเพื่อสร้างรายได้ ผู้เล่นสามารถนำสกุลเงินดิจิทัล (NFT) มาซื้อสิทธิ์ในการซื้อเกมได้ มากไปกว่านั้น หากผู้เล่นไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอต่อการซื้อเกม ก็สามารถสมัครสมาชิกและเช่าเกมโดยใช้สกุลเงินดิจิทัล (NFT) ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ทางด้านคุณทชา ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเทคโนโลยีในโลกปัจจุบันที่มีความเสถียรขึ้น และเล็งเห็นถึงความสำคัญของสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital assets) โดยการออกแบบบริการภายใต้ชื่อ “Homola” ที่เปรียบเสมือนธนาคารที่ปราศจากตัวกลาง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถนำสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) มาเชื่อมต่อกับ Homola เพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การปล่อยกู้และกำหนดดอกเบี้ยได้เอง เป็นต้น

ในตอนท้าย คุณสัญชัย, คุณเฟอร์ดินานด์ และ คุณทชา ได้ฝากแง่คิดที่คล้ายคลึงกันในด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital assets) ไว้ว่า สินทรัพย์ดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทกับผู้คนในอนาคตมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยผ่านระบบอัจฉริยะที่ไร้ตัวกลาง

จากที่กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่เนื้อหาบางส่วนที่ OPEN-TEC ได้รวบรวมไว้ จากภายในงาน “Digital Transformation Summit 2022” ภายใต้หัวข้อ “Digital Investment, Fund & Digital Assets” ที่จัดขึ้นโดย สมาคมซีไอโอไทย (Thai Chief Information Officer Association: TCIOA) เท่านั้น หากท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปฟังได้ที่เว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=tSnAT8RwW6w&t=1893s

 

บทความโดย OPEN-TEC

 

Read More

  1. Digital Transformation Governance & Leadership
  2. Artificial intelligence, Blockchain & Robotics
  3. Cybersecurity & Governance